วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ปลัด อว.ชูสร้างฉากทัศน์ใหม่ พลิกโฉมประเทศไทยด้วยการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง สร้าง Innovation Ecosystem ส่งเสริมด้วย Innovation Sandbox ในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ 2565

 





ปลัด อว.ชูสร้างฉากทัศน์ใหม่ พลิกโฉมประเทศไทยด้วยการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง สร้าง Innovation Ecosystem ส่งเสริมด้วย Innovation Sandbox ในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ 2565



     เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่ห้องเวิลด์บอลรูม ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์   เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ  ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในการเปิดเวทีเสวนาในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 เรื่อง “ พลิกโฉมประเทศไทยด้วยกำลังคนสมรรถนะสูงและเส้นทางอาชีพนักวิจัย ” และปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ความท้าทายใหม่ของ อววน. เพื่อการพัฒนานักวิจัยของประเทศ

      ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ กล่าวว่า การพัฒนากำลังคนด้านการวิจัยประเทศ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและการลงทุนในเรื่องนี้จะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าประเทศใดจะพัฒนามากน้อยเพียงใด ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากเมื่อ 10 ปีก่อน ที่ไทยลงทุนด้านวิจัยเพียง 0.25% ต่อจีดีพี ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วลงทุนถึง 4% และบางประเทศอาจสูงถึง 12 %  แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยลงทุนงบวิจัยเพิ่มเป็น 1-1.1% และ ล่าสุดเพิ่มเป็น 1.3% ซึ่งถือว่ามาไกลมาก แต่ต้องทำให้ถึงเป้าหมาย 2% และถ้าได้ถึง 4%ก็ยิ่งดี 

       ปลัดกระทรวง อว.กล่าวต่อว่า การสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะสูงซึ่งเป็นคำที่ใช้กับนักวิจัย และนักวิชาการของประเทศ ถือว่ามีความสำคัญมาก ขณะนี้ประเทศไทยมีนักวิจัยทั้งสิ้น 169,000 คน คิดเป็น 17 คน ต่อประชากร 10,000 คน มากกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่มีเพียง 12-15 คน ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วจะอยู่ที่ 60-100 คน หน้าที่ของพวกเราในเวทีนี้จึงอยากให้โจทย์ได้ช่วยกันคิดว่า เราควรทำอะไรอย่างไรและมีทิศทางการพัฒนาคนสมรรถนะสูงอย่างไร ที่จะพลิกโฉมประเทศไทยให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง สู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ทั้งนี้กระทรวง อว.ซึ่งตั้งมาเพียง 3 ปี ได้พยายามทำทุกวิถีทางในการสร้างอีโค่ซิสเต็มให้เกิดแรงจูงใจแก่เส้นทางวิชาชีพนักวิจัยให้ดีที่สุดโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ขับเคลื่อนและหนุนเสริมกำลังคนวิชาการ กำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้ภาคการผลิตและภาคความต้องการใช้ประโยชน์จากกำลังคนสมรรถนะสูง สอดล้องและสมดุลกัน โดยมุ่งเน้นใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่1. การผลิตกำลังคนคุณภาพสูงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม อาทิ โครงการ EEC, Work-integrated Learning และการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่ ได้ดำเนินการปฏิรูปการอุดมศึกษาควบคู่ ผ่านการใช้กระบวนการ Higher Education Sandbox  กลไกนวัตกรรมการอุดมศึกษา ในการพัฒนาหลักสูตรทดลอง เพื่อผลิตกำลังคนสมรรถนะสูงให้ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งกลไกอื่น ๆ อาทิ การส่งเสริมการเรียนข้ามสถาบัน การจัดตั้งธนาคารหน่วยกิตแห่งชาติ (National Credit Bank) 2.การเคลื่อนย้าย แลกเปลี่ยน เพื่อป้อนกำลังคนคุณภาพสูงเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับการลงทุนด้านการวิจัยของประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้มุ่งเน้น BCG และการลงทุนขนาดใหญ่ อาทิ การพัฒนาเครื่องโทคาแมค ผลิตนิวเคลียร์ฟิวชัน การสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน เป็นต้น และ3. การเติบโตในเส้นทางอาชีพนักวิจัย โดยปัจจุบันได้มีพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564  เพื่อให้นักวิจัยเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งนับเป็นแรงจูงใจ (Intensive) ที่สำคัญที่จะทำให้การวิจัยเติบโตและนำไปสู่การใช้ประโยชน์ได้ รวมทั้งการส่งเสริมให้นักวิจัยได้เติบโตในเส้นทางอาชีพ ได้ดำเนินการเพิ่มช่องทางการขอตำแหน่งทางวิชาการอีก 5 ช่องทาง 

อย่างไรก็ตามจากการคาดการณ์ของ สอวช. คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2570  จีดีพีของ ประเทศไทยจะต้องเพิ่มอัตราส่วนการลงทุน ภาครัฐ : เอกชน 

เป็น 30:70 และเพิ่มบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาเป็น 30 คนต่อประชากร 10,000 คน  เพื่อให้ระบบวิจัยก้าวหน้าสามารถดำเนินการโดยการส่งเสริม Innovation Ecosystem และการขับเคลื่อน New growth engine ด้วยนวัตกรรม โดยประเทศไทยได้กำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี และ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13  หมุดหมายแผนการพัฒนาบุคลากรวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2565-2570 สำหรับกระทรวง อว. มีกลไกที่ช่วยสนับสนุนนักวิจัยมืออาชีพเข้าสู่การเชื่อมโยงองค์ความรู้ในหลายส่วนผ่านกลไกการดำเนินโครงการ Hi -FI Consortium, Total Innovation Management Enterprise; TIME, Talent Mobility เป็นต้น โดยกระบวนการการพัฒนาดังกล่าวจะสามารถทำให้งานวิจัยของประเทศไทยมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อเข้าสู่เป้าหมาย

ที่สำคัญ คือ อันดับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Scientific infrastructure) ของประเทศไทยอยู่ในอันดับ 1ใน 30


          ปลัด อว.กล่าวว่า การพลิกโฉมประเทศไทยด้วยกำลังคนสมรรถนะสูงและเส้นทางอาชีพนักวิจัย มีการกำหนดยุทธศาสตร์โดยแบ่งออกเป็น ด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยี การบริการ การเกษตรและอาหาร โดยตั้งเป้าหมายสร้างนักเรียนมัธยมและอาชีวะ 1.9 ล้านคน เพิ่มเป็นนิสิต นักศึกษา และพัฒนาเป็นกำลังแรงงานในสถานประกอบการ 40 ล้านคน จึงมีการสร้างระบบนิเวศทางวิชาการ 

ที่ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัย สถานประกอบการ และชุมชน เริ่มจากการคัดเลือกนักศึกษา การบ่มเพาะอาจารย์นักวิจัย และสนับสนุนบุคลากรจนได้ประสิทธิภาพสูงสุด  ในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาการทำงานร่วมกันกับภาคอุตสาหกรรมที่เน้นในเรื่องของทักษะและพัฒนากำลังคนเฉพาะด้านให้ตอบสนองกับนโยบายของภาครัฐ 

หลังจากนั้นเป็นการเสวนา เรื่อง พลิกโฉมประเทศไทยด้วยกำลังคนสมรรถนะสูงและเส้นทางอาชีพนักวิจัย โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย ผศ.ดร.พูลศักดิ์ โกษียาภรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รศ.ดร.รัฐชาติ มงคลนาวิน อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมแลกเปลี่ยนทัศนะซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าการสร้างกำลังคนสมรรถนะสูงมีความสำคัญต่อการพลิกโฉมประเทศไทย ซึ่งขณะนี้กระทรวง อว.มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจตลอดจนปรับแนวทางทำให้เกิดผลดีต่อการวิจัยของประเทศ แต่สิ่งสำคัญที่จะต้องทำเพิ่มขึ้นคือ การสร้างระบบ Innovation Ecosystem การก้าวกระโดดโดยมี Innovation Sandbox การส่งเสริมให้นักวิจัยสามารถนำผลงานไปใช้ประโยชน์ในการเพิ่มมูลค่า  การสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะสูงไม่ควรมองแค่จำนวนแต่ต้องคำนึงถึงคุณภาพ จะต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชนให้มากขึ้นเพื่อตอบโจทย์วิจัยตามความต้องการของตลาด  ส่วนในภาคการศึกษาจะต้องมีการปรับตัวเพื่อให้ได้บัณฑิตพันธุ์ใหม่ที่มีมายด์เซ็ทเหมาะกับการเป็นผู้มีทักษะในการเข้าสู่โลกในศตวรรษที่ 21

yaipearn
yaipearn

This is a short biography of the post author. Maecenas nec odio et ante tincidunt tempus donec vitae sapien ut libero venenatis faucibus nullam quis ante maecenas nec odio et ante tincidunt tempus donec.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น